Monday, December 31, 2012

WithNoRemorse;Chapter7 เล่าเรื่องเสียว อ่านเรื่องเสียว

เล่าเรื่องเสียว WithNoRemorse;Chapter7 สุดเสียว


เจ้าของบทประพันธ์ ท่าน Psycho2544With No Remorse Chapter 7บริเวณหน้าพระประธานคนไม่แน่นนักด้วยไม่ใช่วันหยุด แต่ความที่เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งจึงยังมีคนพลุกพล่านโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่หมุนเวียนกันเข้ามาตลอดเวลา บ้างก็นั่งไหว้พระประธานที่มีลักษณะเฉพาะศิลป์เชียงแสนอันงดงาม บ้างก็เพียงเข้ามาชมความงามและบันทึกภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ควันธูปลอยขึ้นเป็นสาย ๆ ในแสงสลัวของอุโบสถแล้วแผ่กระจายไปในอากาศตามแรงลมข่มแสงไฟฟ้าที่ติดตั้งภายในให้หม่นมัวลง หนุ่มสาวหลายคู่เคียงข้างกันนั่งลงไหว้พระพุทธสิหิงค์ด้วยสีหน้าอิ่มเอิบแย้มยิ้ม เด็กน้อยที่บ้างนั่งอยู่ข้างผู้ปกครองหรือปู่ย่าตายายเหลียวมองซ้ายขวาด้วยความตื่นเต้นระคนสนใจ พ่อแม่หลายคนจับจูงบุตรธิดาให้กราบพระอย่างงดงามแล้วพาเดินชมจิตรกรรมอันงดงาม ผู้เฒ่าผู้แก่พ่ออุ้ยแม่อุ้ยนั่งสวดมนต์อย่างสงบเงียบท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กของผู้อื่น ใบหน้าที่เหี่ยวย่นด้วยอายุบ่งบอกถึงชีวิตที่ผ่านประสบการณ์มายาวนานนั้นอิ่มเอิบอาบด้วยความสุข กานดาไหว้เกาะกุมแขนแข็งแรงที่ยื่นให้จับเป็นหลักประคองยามก้าวข้ามธรณีประตูวิหารลายคำออกมาสู่แสงสว่างของดวงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดแสงอ่อน ๆ ส่องทั่วบริเวณ ลานวัดกว้างนั้นมีผู้คนที่เดินไปมาอยู่เกลื่อนกลาด เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูแล้วกานดาก็หาได้ปล่อยแขนแข็งแรงที่ยื่นมาให้ยึดจับนั้นไม่แต่รวบเข้ากอดไว้ข้างตัวเพื่อจับยึดระหว่างที่ก้าวลงตามขั้นบันไดและใช่ช่วยพยุงตัวยามที่สอดเท้าสวมรองเท้า เธอปล่อยให้การุณย์สวมรองเท้าตัวเองแล้วจึงฉวยแขนแข็งแรงนั้นมากอดข้างตัวระหว่างที่เดินมุ่งไปที่ลานจอดรถ กลุ่มคนร่วม ๆ ยี่สิบคนเดินพรวด ๆ มาจากวิหารหลวง ชายในชุดซาฟารีสีดำสองคนเดินแหวกฝูงชนล่วงหน้ามาก่อนในมือถือวิทยุสื่อสารที่ส่งเสียงแกรกกรากเป็นครั้งคราว ปากก็เอ่ยเสียงบอกให้ประชาชนหลีกทาง กลุ่มที่เดินตามมานั้นเป็นชายในชุดเสื้อนอกเรียบกริบและหญิงวัยไล่เลี่ยกันแต่งตัวเฉิดฉายเดินหน้าเชิดปั้นปึ่ง เด็กสาวอีกคนเดินฉับ ๆ ตามมาติด ๆ เบื้องหลังเป็นผู้แต่งกายในชุดข้าราชการสีกากีเดินพรวด ๆ เหงื่อไหลโซมหน้า เบื้องหลังเป็นกลุ่มนักข่างที่ห้อยกล้องพะรุงพะรังเดินแกมวิ่งตามมาติด ๆ กานดาดึงแขนการุณย์เบา ๆ“ใครคะนั่น” การุณย์มองชายในเสื้อนอกที่เดินนำหน้าเขม็ง“ฮึ ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยกระทรวง... น่ะครับ” กานดาเงยหน้าขึ้นมอง“มีอะไรเหรอคะ เสียงคุณต้นไม่ค่อยดี” “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ” การุณย์หันยิ้ม“เชื่อได้เหรอคะ เสียงยังงี้ เอ๊ะ นั่น” กานดาเขม้นมองไปยังด้านประตูวัด การุณย์หันไปมอง “นั่นชายนี่คะ มากับใครน่ะหน้าตาจิ้มลิ้มเชียว”ชาติชายแต่งตัวลำลองกลมกลืนไปกับฝูงชนด้านข้างนั่นรจนาพยาบาลสาวเดินเคียงมา สองหนุ่มสาวคุยกันกระหนุงกระหนิงหน้าตาแจ่มใส “นั่นยายรจนา ลูกสาวพี่ชายผมเองครับ” การุณย์บอกเรียบ ๆ สืบเท้าตามรจนาไปยังสองหนุ่มสาว“เหรอคะ นี่คุณต้นปล่อยหลานมากับเจ้านี่ไม่กลัวเหรอคะ” กานดาหันไปถามยิ้ม ๆ“ไม่กลัวหรอกครับ ผู้ชายเขามีแม่ดีน่ะครับ” การุณย์ตอบยิ้ม ๆ แล้วสะดุ้งนิด ๆ เมื่อมือที่กอดแขนหยิกหมับเข้าที่สีข้างก่อนจะปล่อยออกเมื่อเดินเข้าใกล้สองหนุ่มสาว “ดุเสียด้วยซีครับ”“ชาย มาไหว้พระเหรอลูก” กานดาร้องถามเมื่อเข้าจวนถึงตัว สองหนุ่มสาวหันขวับมามอง“อ้าวแม่ สวัสดีครับ อาการุณย์ด้วย” ชาติชายยกมือไหว้ รจนาเองก็ยกมือไหว้ตามแก้มผ่อง ๆ แดงซ่านดุจเด็กที่โดนจับได้ว่าหนีเที่ยว“ใครจ๊ะนี่ ไม่เห็นบอกแม่เลย” กานดารับไหว้สองหนุ่มสาวแล้วถามยิ้ม ๆ“คุณรจ นี่แม่ผมครับ” ชาติชายแนะนำตัว รจนายกมือไหว้อีกครั้ง “เอ่อ คุณรจนาเป็นพยาบาลน่ะครับ มาดูแลผมตอนที่ป่วยหลานอาการุณย์ด้วยครับแม่”“จ้า แล้วนี่พาเขาออกมานี่ เขาไม่เสียงานเหรอจ๊ะพ่อยอดชาย” กานดาถามลูกชายทำเอาสองหนุ่มสาวหน้าแดง“เอ่อ ผมขออนุญาตแล้วครับแม่”“ขอใครจ๊ะ ขอพระรูปเหรอ เหมือนตอนที่อยู่โรงเรียนนั่นแม่ก็นึกว่าลาเรียบร้อยจนนายทหารปกครองเขาโทรมาบอก” กานดาพูดยิ้ม ๆ“หนูอย่าเชื่อพ่อนี่มากนักนะ กะล่อนนักเชียวแหละ เห็นอย่างนี้เถอะ”“ค่ะ” รจนาตอบหน้าแดง ขยับตัวเข้าไปยืนตรงหน้ากานดาที่คว้าแขนดึงตัวเข้าไปพิศดูตรง ๆ เธอหันไปมองดูผู้เป็นลุงกับชาติชายที่ขยับไปยืนคุยกันท่าทางเอางานเอาการ“นี่หนูทำงานที่ไหนจ๊ะ”“หนูอยู่โรงพยาบาลในค่ายค่ะคุณ..”“อาเถอะจ๊ะ อายังไม่อยากแก่นัก” หญิงทั้งสองคนยืนคุยกันสักครู่หนึ่ง การุณย์ก็ขยับเข้ามาใกล้“เราไปหาอะไรกินกันดีกว่าครับ จะเย็นแล้ว เดี๋ยวจะได้พัก วันนี้ผมพาคุณดาตะลอน ๆ มาทั้งวันเลย” การุณย์พูดยิ้ม ๆ“ดีค่ะ พอคุณต้นว่าก็คอแห้งเลย เดี๋ยวไปกัน ตาชาย หนูรจ มาด้วยกันซิ”“เอ่อ คุณรจบอกว่าจะพาผมไปกินน้ำเงี้ยวเจ้าอร่อยน่ะครับแม่” ชาติชายหันมาบอก“ไม่ได้ มากินด้วยกัน แม่กำลังคุยกับหนูรจเขาอยู่ เดี๋ยวจะไปคุยต่อด้วย” กานดายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ลูกชาย “คนนี้น่ารักดีนะ แม่ชอบ จะทำอะไรก็เกรงใจคุณต้นเขาด้วย”ชาติชายใจหายวาบหน้าสลดนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนโดนดุกลาย ๆ กานดาเขม้นมองคิ้วขมวด“อะไรครับแม่” ชาติชายถามเมื่อโดนผู้เป็นมารดาจ้องเอาตรง ๆ การุณย์กับรจนาหันมามองสองแม่ลูก กานดาไม่พูดอะไรต่อ หันไปจูงมือรจนาเดินตรงไปที่รถ การุณย์ทำหน้างง“อะไรวะ ชาย มีอะไรกัน”“เอ้อ.. ไม่มีอะไรครับ อา” ชาติชายตอบแล้วออกเดินตามแม่ตนเองไป “ไปเถอะครับ อา ตามไม่ทันโดนเผาเกรียมแน่”“ร้อนตัวละซี” การุณย์ออกเดินตามชาติชายพลางหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้ามุ่ย ๆ ของชาติชายที่เดินจ้ำพรวด ๆ ไปรถเก๋งคันกะทัดรัดแล่นฝ่าความมืดไปตามทางสายเปลี่ยว แสงไฟฟ้าที่ส่องจากบ้านเรือนข้างทางที่ตั้งอยู่ห่าง ๆ กันนั้นไม่พอสาดส่องพื้นถนนลาดยางให้เห็นชัดเจน ไฟหน้ารถที่ส่องจนสว่างจ้าจึงเพียงให้กลุ่มชายที่นั่งในรถมองเห็นได้เฉพาะบริเวณที่แสงไฟสูงของรถสปอร์ทไรเดอร์สาดไปถึง สองข้างทางมองเห็นเป็นเพียงแค่เงาดำของแมกไม้ที่พุ่งผ่านไปด้านหลัง กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เบียดกันมาในรถนั่งเงียบ ต่างคนต่างจ้องมองความมืดที่ปกคลุมพื้นดิน เสียงงัวเงียที่ดังมาจากที่เก็บของด้านหลังทำให้หนึ่งชายในแถวหลังเหลียวกลับไปมองร่างของเด็กสาวสองคนที่นอนอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว บัดนี้ร่างสองสาวสวมเสื้อผ้าไว้แล้วแต่ไม่ใช่เสื้อสมัยนิยมเป็นกางเกงลายพรางทหารกับเสื้อยืดแขนยาว เต้านมภายใต้เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งขยับเขย่าไปตามจังหวะที่ตัวรถสะเทือนไหว มันแสยะปากอย่างหื่นกระหายแล้วเอื้อมมือไปบีบเคล้นเต้าของสองสาวอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงมือกลับมาวางลงบนเหล็กเย็นเฉียบของอาวุธสังหารที่วางตั้งอยู่กลางท่อนขาของมันและหันไปมองนอกรถเช่นเดิมชาติชายจัดการลงกลอนประตูหน้าต่างบ้านหลังย่อมนั้นจนเรียบร้อย แล้วปิดดวงไฟเพดาน แล้วก้าวเดินตรงไปหยุดหน้าประตูห้องพักด้านล่างที่ปิดสนิท ยกมือขึ้นเคาะเบา ๆ“คุณรจครับ” ชาติชายเรียกแล้วเว้นจังหวะ “คุณรจ”“คะ มีอะไรหรือคะ”“เอ่อ คือว่า” ชาติชายอึกอัก หลังจากคืนไฟดับนั่นแล้ว รจนาฉวยโอกาสเข้าห้องปิดประตูเงียบมาโดยตลอด“อะไรคะ” เสียงดังมาจากข้างใน“ผมคิดถึงคุณรจ”“ขอบคุณค่ะ คุณชายควรไปอาบน้ำนอนได้แล้วนะคะ”“นอนไม่หลับ” ชาติชายส่งเสียงอ้อน“ก็นอนนิ่ง ๆ นับเลขไปเดี๋ยวก็หลับค่ะ”“แหม นอนคนเดียวมันเหงานะครับ”“ก็ต้องทนเอานะคะ โตแล้วนะคะ”“ไม่อยากนอนคนเดียวนี่ครับ นอนด้วยคนนะครับ” ตอนนี้อับจนหนทาง“ไม่ได้ค่ะ” เสียงข้างในเฉียบขาด“ทำไมล่ะครับ คืนนั้นยังอยู่ได้จนเช้าเลยนี่ครับ”“คืนนั้นคืนเดียวก็ เกินไปแล้วค่ะ”“แต่ผม เอ่อ” ชาติชายเค้นสมองหาคำพูด “ผมว่าผมรักคุณรจนะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณชาย” เสียงข้างในยังคงราบเรียบ “ถ้าจริง รอก่อนนะคะ”“รออะไรล่ะครับ ไม่สงสารผมเหรอครับ”“รอให้ถึงคืนส่งตัวก่อนซีคะ” ชาติชายก้มหน้าเอาหน้าผากกดลงบนบานประตู“โห เมื่อไรล่ะครับนั่นน่ะ”“เมื่อเอย ก็เมื่อนั้นนะคะ คุณชาย” เสียงข้างในหยุดนิดหนึ่ง “แค่นี้รจก็ว่าตัวเองใจง่ายเกินไปแล้วนะคะ”ชาติชายยืนจังงังกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย สองฝั่งประตูเงียบงันกันไปครู่ใหญ่“งั้น.. ก็... ราตรีสวัสดิ์นะครับ” ชาติชายหยุด “ทั้งหมดนั่นความผิดผมคนเดียวแหละครับ คุณรจไม่ผิดหรอก”“ผิดก็ผิดกันทั้งคู่ค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณชาย” ชาติชายยืนจ้องประตูบานที่กั้นขวางอยุ่ ไม่ให้เขาได้เห็นภาพร่างบอบบางของรจนาที่ยืนหันหลังพิงบานประตูน้ำตาไหลพรากลงอาบแก้ม นายทหารหนุ่มยืนก้มหน้านิ่งจวบจนเสียงมือถือดังขึ้น“ว่าไงศรัณย์”“ผมมาแล้วพี่ พี่ชายเป็นไง เข้าที่ยังครับ” เสียงคู่หูรุ่นน้องดังแจ้ว ๆ“เออว่ะ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เจาะเลือดอีกครั้ง” ชาติชายเหลือบตาขึ้นมองบานประตูบานนั้น “คงไม่มีอะไร ฟังผลเลือดแล้วจะกลับ นายเรียบร้อยหรือเปล่า”“ได้เลยพี่ งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ”“เออ สวัสดีศรัณย์” ชาติชายเงยหน้าขึ้นมอง ใจนึกอยากจะมองทะลุบานประตูไม้นั้นเข้าไปเพื่อให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน เขาจ้องนิ่งอยู่ชั่วอึดใจแล้วจึงหันกลับเดินขึ้นไปยังห้องพัก“คุณต้นเข้ามาก่อน ดามีเรื่องจะคุย” กานดาไม่ยอมให้การุณย์บ่ายเบี่ยงแต่จับข้อมือดึงนายพันเอกเข้าห้องมาด้วย เธอเดินเอากระเป๋าถือไปวางที่โต๊ะแต่งตัวแล้วยกหูโทรศัพท์สั่งกาแฟ “ดาเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ”“ครับ” การุณย์รับคำแล้วเดินไปนั่งที่ชุดรับแขก ไม่ถึงอึดใจกานดาก็ออกจากห้องน้ำพลางใช้ผ้าขนหนูผืนย่อมเช็ดหยาดน้ำบนข้างแก้ม“คุณต้นล้างหน้าหน่อยไหมคะ” เธอเลิกคิ้ว “จะได้สดชื่นหน่อย”“ก็ดีครับ” การุณย์เดินเข้าไปล้างหน้า รู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากได้ล้างคราบเหงื่อบนใบหน้าจากที่พากานดาไปไหว้พระเสียเกือบทั่วเมืองทั้งวัน พอเปิดประตูออกมานั้นกลิ่นกาแฟก็โชยเข้าจมูก บนโต๊ะรับแขกนั้นกานดาจัดการชงกาแฟวางไว้เรียบร้อย การุณย์จึงเดินไปนั่ง“คุณต้นคะ เด็กสองคนนั่นน่ะ” กานดาเริ่มพูดเมื่อเห็นการุณย์จิบกาแฟไปแล้ว“ทำไมหรือครับ”“ดาว่า ดูท่าทางจะเลยเถิดไปแล้วนะคะ” เธอตอบขมวดคิ้วบาง ๆ “ดาสงสัยว่างั้น ตอบกันอ้อมแอ้ม ไม่เต็มเสียงเลย โดยเฉพาะลูกชายดา” การุณย์นั่งนิ่ง“แล้วคุณดาจะว่าไงครับ”“ถ้าจริงดาต้องขออภัยแทนตาชายด้วยนะคะ” เสียงเธอเจือด้วยความกังวล“อันที่จริง ถ้ายายรจไม่ใช่หลานผม..”“เป็นใครก็ไม่ได้ค่ะ ทำอย่างนี้ไม่ถูกหรอก เดี๋ยวดาต้องดุเสียบ้าง”“คุณดาครับ ฟังผมหน่อย” การุณย์พูดเรียบ ๆ “เด็กสองคนเป็นคนที่อยู่ในความดูแลของเราก็จริงอยู่นะครับ แล้วมิใช่ว่าผมไม่ห่วงหลาน ยายรจนี่ก็เหมือนลูกสาวผมนั่นแหละ แต่สองคนนั่นโตกันแล้วนะครับ มีงานมีการกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะพากันเสียงานเสียการเมื่อไหร่”“แต่ว่า ถ้า หนูรจเกิดท้องขึ้นมาล่ะคะ”“ผมว่า เจ้าชายจะรับผิดชอบแน่นอนครับ” การุณย์พูดหนักแน่น กานดานั่งอึ้งมองหน้าการุณย์“แต่หนูรจจะเสียชื่อเสียงนะคะ”“ก็มีบ้างครับ” การุณย์เสียงขรึม “แต่ก็ไม่ถึงกับคอขาดบาดตายนี่ครับ ยายรจเองก็ไม่ได้มีแฟนอะไร อันนี้ผมทราบดีเพราะยายรจยังอยู่กับผม เจ้าชายเองก็ไม่ได้มีพันธะอะไร”“แต่ว่า...”“เอางี้ซิครับ ผมถือว่าคุณดาขอจองยายรจไว้ให้เจ้าชาติชายเสียเลยดีไหมครับ”“ตายละ นี่ถ้าสองคนนั่นไม่ได้ชอบพอกัน ดาไม่โดนลูกชายกับหนูรจถอนหงอกเอาเหรอคะ”“งั้น คุณดาก็ใจเย็น ๆ รอดูไปก่อนดีกว่านะครับ ปล่อยให้เวลาทำงานของมันไป”“จะดีหรือคะ”“ดีซีครับ ผมว่าเรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า” การุณย์แย้มมุมปาก“เรื่องอะไรคะ คุณต้น”“เรื่องว่า ผมจะขอคุณดาแต่งงานนี่ ผมจะไปขอใครดีครับ” ขาดคำแก้มผ่อง ๆ ก็แดงซ่านขึ้นระเรื่อ“เอ อันนี้ ดาก็ไม่ทราบค่ะ” กานดาหลบตาคม ๆ คู่นั้น “คุณต้นว่าไงคะ”“อันที่จริง นายชาติชายเขาก็เอ่ยปากยกให้ผมแล้วนะ”“แน้.. ตาชายนั่นเป็นลูกดานะคะ จะมายกแม่ให้คุณได้ยังไง” ดวงตาคู่สวยฉายแววระยับ“งั้น ท่าทางผมคงจะอดแล้วซีครับ เพราะไม่รู้จะไปขอจากใคร” การุณย์ทำเสียงละห้อยหน้าสลดแล้วลุกขึ้นยืน กานดาลุกขึ้นตามแล้วเดินตามการุณย์ที่ก้าวไปทางประตู “งั้นผมคงต้องลากลับแล้วครับ”“เหรอคะ” เสียงนั้นเจือแววสลดอย่างปิดไม่มิด “จะไม่ลองอีกหน่อยหรือคะ”การุณย์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม“คุณต้นจำสมัยที่เรียนมัธยมไม่ได้หรือคะ” เสียงถามออกปนความอาย การุณย์ยังเลิกคิ้วค้าง“อันของสูง แม้นปอง ต้องจิต... ไม่คิด ปีนป่าย จะได้หรือ... ” เธอถามเสียงละห้อย “จำไม่ได้หรือคะ”การุณย์รวบร่างบางดึงเข้าหาตัว โอบกอดร่างนั้นที่โอนอ่อนผ่อนตัวเข้ามาในอ้อมกอด ก้มลงกดจมูกลงกับไรผมบนหน้าผากนวลพร้อมกับสูดลมเข้าปอด“ผมเกรงแต่ว่า จะเอื้อมไม่ถึง เท่านั้น” การุณย์หอมไรผมนั้นสูดความหอมกรุ่นอีกครั้ง“ก็ลองเอื้อมเข้าซีคะ” เรียวแขนที่กอดเอวเขารัดแน่นเข้าพร้อมกับใบหน้างามแฉล้มเงยขึ้นสบตา แล้วดวงตาคม ๆ นั่นก็พริ้มหลับลงเมื่อการุณย์ก้มลงประกบริมฝีปากลง กานดาวาบหวามด้วยความรู้สึกเต็มตื้นเมื่อริมฝีปากสัมผัสกันดุจดังเด็กสาวแรกจุมพิต ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมกับที่มือใหญ่แข็งแรงไล้ลูบไปทั่วแผ่นหลัง บัดนี้เธอจึงสำเหนียกว่าเธอโหยหาอ้อมกอดอันอบอุ่นเพียงใด อ้อมกอดนั้นส่งความรู้สึกแข็งแรงและมั่นคงประหนึ่งหลักศิลาที่ตั้งมั่นให้เธอได้เกี่ยวเกาะด้วยความรู้สึกที่เธอรู้ว่าเธอจะปลอดภัยเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับวายุอันแปรปรวนหรือคลื่นลมที่ผันแปรซัดโถมเข้าใส่ การุณย์เองนั้นก็พลุ่งพล่านไปด้วยความตื้นตันและตื่นเต้นไม่แพ้กานดา ความรู้สึกภายในไม่ได้ต่างจากที่ได้ประทับจูบแรกของชีวิต ร่างอ่อนนุ่มอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดช่างบอบบางเสียจนเขาแทบไม่กล้าจะกระชับอ้อมกอดด้วยเกรงว่าเธอจะเจ็บ ชีวิตที่อ้างว้างโดดเดี่ยวและโหยหาความอบอุ่นแห่งชีวิตไม่แพ้กานดานั้นเต็มขึ้นพลันด้วยความอบอุ่นของร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด สองมือละจากกอดขึ้นมาประคองแก้มนวลไว้แล้วจูบประทับนิ่งนานการุณย์ดึงหน้าออกเล็กน้อยจ้องเข้าไปในดวงตางามที่จ้องกลับ“คุณดา ช่วยมาเป็นกำลังใจให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของผม นะครับ” เสียงทุ้มนั้นนุ่มนวลและแฝงน้ำเสียงวอนขอร้องอย่างไม่ปิดบัง“แล้วคุณต้น จะเป็นหลักให้ดาพิงได้ไหมคะ” ปากนุ่มแย้มตอบ การุณย์ประทับจูบเบา ๆ“ผมสัญญา...”กานดายิ้มแล้วเขย่งขึ้นจูบการุณย์แทนคำตอบมือแข็งแรงปลดกระดุมเสื้อแบะออกเผยปทุมถันที่เบียดอัดห่อหุ้มด้วยเสื้อในสีเนื้อ มือนั้นลูบแขนเสื้อรูดออกอย่างแผ่วเบาแล้วดึงมันออกไปวางพาดเก้าอี้ด้านข้าง การุณย์ก้มมองมือเรียวที่ดึงชายเสื้อยืดโปโลของเขาออกแล้วดึงยกมันขึ้น เขายกแขนปล่อยให้กานดาดึงมันจนพ้นตัว เธอก้มลงจูบอกแข็งแรงอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้นเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมองเมื่อการุณย์ก้มลงช้อนร่างขึ้นไปวางลงบนที่นอนอย่างทนุถนอมแล้วเอนร่างลงนอนเคียงก่อนพลิกขึ้นกอดแนบ เนื้อนวลรับความอุ่นจากเรือนร่างแข็งแรงจนซ่านไปทั้งร่าง ริมฝีปากประดับด้วยหนวดสั้น ๆ เกลือกลงมาบนยอดเนินถันที่พ้นจากการปกปิดของเสื้อชั้นใน ส่งความรู้สึกทั้งจักจี้ทั้งคันและทั้งวาบหวามแล่นไปทั่วร่างจนเธอยกแขนโอบศีรษะที่เกลือกแผ่วเบานั้นไว้ ริมฝีปากที่ประกบจูบเนินถันส่งความซาบซ่านแผ่ลามไปทั่วตัวชั่วอึดใจกางเกงยีนส์ของเธอก็แบะอ้าและถูกมือนั้นดึงรั้งเธอลืมตาขึ้นมองลงไปในดวงตาของการุณย์พร้อมกับขยับตัวให้เขาดึงมันพ้นไปจากตัว แล้วเธอก็พริ้มตาลงเมื่อใบหน้านั้นก้มลงสูดกลื่นกายที่หน้าท้องพร้อมกับเจ้าของมือเลื่อนมันอ้อมมาที่ตะขอเสื้อยกทรงด้านหลัง เสื้อตัวน้อยเลื่อนหลุดไปปลดปล่อยถันงามอ่อนช้อยนุ่มนวลจากการปกปิด เต้าถันคล้อยตัวด้วยอายุที่มากขึ้นแต่ยังคงรูปทรงอวบอิ่มเต็มเต้า อวบอ่อนงอนช้อนปลายจะงอยเชิดชันขึ้นเป็นปุ่มปมด้วยความรู้สึกและไอเย็นของอากาศที่ผัดลงมาประทบตัว สองมือแข็งแรงกอบมันเข้าประชิดแล้วเรียวปากนั้นก็เกลือกลงทาบเนื้อเต้านวลจนกานดาต้องสยิวห่อไหล่ และแล้วปลายจะงอยปทุมก็โดนล้อมระกบด้วยความอุ่นนุ่มชุ่มชื้นของริมฝีปากและเนื้อนุ่มที่ไล้เลียดุนมันอย่างบรรจง เธออดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นกอดศีรษะที่ก้มลงมาที่อกตนเองและยกอกแอ่นหลังดันปทุมเต้านวลขึ้นรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจการุณย์ก้มลงดุนปลายจะงอยด้วยปลายลิ้นอย่างทนุถนอม ร่างงามที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นดุจดั่งรูปปั้นแก้วบางงาม ที่หากเขาสัมผัสด้วยแรงก็เกรงว่าจะแตกสลายไปคามือ สัมผัสของนายพันเอกนั้นจึงแผ่วเบาละมุนอย่างบรรจงและทนุถนอม ฝ่ามือที่สัมผัสอาวุธนานามาจนหยาบกร้านนั้นไล้ลูบไปตามผิวผ่องนวล ประกบคลึงปทุมนุ่มมือ ไล้ข้างลำตัวเนียนลูบลงไปที่เรียวเอวแล้วไปหยุดที่ขอบสะโพกผายทาบลงไปกับเนื้อสะโพกและขอบปราการสุดท้ายของกานดา เขากดมือลงแนบเนื้อแล้วปาดลงให้ของกางเกงตัวน้อยม้วนรูดลงต่ำแล้วเกี่ยวมันด้วยนิ้วมือรั้งดึงมันลงช้า ๆ สะโพกเนียนนั้นก็ขยับย้ายยกลอยขึ้นให้เจ้ากางเกงตัวน้อยนั้นผ่านพ้นไป การุณย์ขยับตัวขึ้นดึงกางเกงตัวน้อยพ้นปลายเท้าเรียวแล้วหันกลับมามองร่างงามดังรูปแกะสลักจากหยกขาวที่ทอดนอนอยู่ตรงหน้า ใบหน้ารูปไข่ตัดด้วยไรผมที่หยักลงตรงกลางหน้าผากขาวผ่อง แก้มอิ่ม ริมฝีปากนวลชุ่มฉ่ำเผยอจนเห็นไรฟัน คอเรียวลงรับกับลาดไหล่บาง ๆ ลงสูท่อนแขนเรียวแต่แน่นหนั่นด้วยกล้ามเนื้อ เนินอกเต็มอิ่มรับปทุมถันอวบสองข้างที่ยกปลายเชิดขึ้นประดับด้วยปลายจะงอยสีคล้ำ เนื้อถันอวบส่งเต้าลอยขึ้นก่อนจะลาดลงสู่หน้าท้องที่ขยับเขยื้อนขึ้นลงช้า ๆ ตามแรงหายใจ ลาดลงไปที่เนินเนื้อนุ่มปกคลุมด้วยไรขนสลวยแผ่กระจายอย่างเบาบางจนมองทะลุลงไปเห็นกลีบเนื้ออิ่มที่เบียดประกบกัน สะโพกผายนวลเรียวลงกับท่อนขาแข็งแรงนวลผ่องลงไปจนถึงปลายเท้าคู่ที่ขยับไปมา การุณย์ดึงสายตากลับไปที่ดวงตาคู่งามที่จ้องตอบนิ่งกานดาจับตามองชายกลางคนที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนด้านข้างเพื่อจัดการกับตัวเอง เขาปลดกางเกงแล้วดันมันลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เร่งร้อน ขยับตัวจนหมันหลุดออกไป ด้านบนหน้าอกแข็งแรงที่เธอเพิ่งจะได้สัมผัสไปนั้นยังมีกล้ามเนื้อขึ้นจนเห็นได้ฃัดเจน หน้าท้องแบนราบลาดต่ำลงไปจนถึงไรขนที่โผล่พ้นขอบกางเกงในสีดำนั้น เธอจับตามองมือแข้งแรงที่รูดดันกางเกงในลงแล้วยืดตัวขึ้นยืน องคาพยพแห่งชายผู้นั้นตั้งลำผงาดขึ้นจากพงขนหยาบหนา ลำตัวอวบพาดพันด้วยเส้นเลือดสลับไปมาโป่งขึ้นจนน่าสยดสยอง มันตั้งตรงจากโคนงอนน้อย ๆ ขึ้นไปสู่ส่วนปลายที่เบ่งพองบานออก บัดนี้มันพองตัวเป็นจังหวะจนส่วนปลายเรียบที่โผล่พ้นผิวหนังบาง ๆ ออกมานั้นแดงก่ำด้วยเลือดที่สูบฉีดเข้าไปในลำลึงค์ ร่างแข็งแรงนั้นทอดตัวลงเคียงเธอจนแนบร่างนวล ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาพลิกตัวเข้ากอดแนบ เต้าอวบเบียดชิดกับอกแข็งแรง ท่อนขานั้นก็เกี่ยวก่ายข้ามขานุ่ม ลำเนื้อท่อนนั้นกดสัมผัสกับต้นขาเธอจนรู้สึกถึงอาการพองตัวของมันเป็นจังหวะ มือแข็งแรงนาบลงกับเนินเนื้อแล้วลูบเน้นลงกับรอยประกบ เธอซ่านขึ้นมาทั้งตัวเมื่อนิ้วเรียวแข็งนั้นเบียดร่องแบะออกแล้วแทรกเข้ามาสัมผัสเนื้อนุ่ม หน้าเนินร้อนผ่าวเต้นตุบ ๆ ขับหลั่งหยาดน้ำออกมาริน ๆ การุณย์จูบเรียวปากอิ่มนั้นอีกครั้งแล้วจ้องตาคู่งามนั้นขณะที่พลิกตัวขึ้นทาบแทรกลงกับเรียวขาที่เปิดออกรับเข้าอย่างเต็มใจดุจดั่งนายช่างใหญ่ที่กำลังประกอบเครื่องยนต์เข้าที่ เขาจับประคองลูกสูบตันไว้ขณะที่ไล้มือลงกับกระบอกสูบไล้น้ำมันหล่อลื่นไห้ทั่ว ๆ แล้วปาดป้ายมันมาไล้ลูกสูบด้วย การจะสอดลูกสูบเข้าที่นั้น ถึงแม้นายช่างจะมีความชำนาญอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องทำอย่างระมัดระวัง นายช่างประคองหัวลูกสูบจรดเข้ากับกระบอกสูบแล้วค่อย ๆ ขยับมันซ้ายขวาเล็กน้อย เพื่อให้ลูกสูบตัน ๆ นั้นตรงกับกระบอกสูบ แล้วค่อย ๆ ดันลูกสูบเข้าทีละนิด ลูกสูบใหม่กับกระบอกสูบนั้นถึงแม้จะพอดีกันอยู่แต่ก็ใหม่จนแทบจะคับแน่น นายช่างต้องขยับกระบอกสูบนั้นทั้งซ้ายทั้งขวาทั้งเดินหน้าถอยหลัง ในตอนแรกนั้นมันเหมือนจะใหญ่คับกระบอกสูบจนแทบใสเข้าไม่ได้ แต่แล้วเมื่อขยับมันอีกหน่อยเจ้าลูกสูบนั้นได้รับความลื่นจากน้ำมันเครื่องที่ไล้อยู่ก็เริ่มเบิกทางเข้าสู่กระบอกสูบได้ทีละน้อย นายช่างใหญ่ค่อย ๆ ขยับมันไปมาอย่างใจเย็นจนลูกสูบนั้นค่อย ๆ เคลื่อนเข้ากระบอกสูบลึกลงไปทีละนิด จวบจนนายช่างใหญ่ดันยอดลูกสูบผลุบเข้าในกระบอกสูบได้ก็หยุดยั้งชั่วขณะ ขยับก้านลูกสูบช้า ๆ ให้ลูกสูบนั้นขยับตัวให้ถนัด จากนั้นนายช่างใหญ่ก็ค่อย ๆ ขยับลูกสูบชักเข้าออกเป็นจังหวะช้า ๆ อย่างนิ่มนวล ค่อย ๆ สอดมันลึกลงไปในกระบอกสูบมากขึ้นจนกระทั้งลูกสูบตัน ๆ นั้นผลุบหายเข้าไปจนเรียบร้อยยามนี้แก่นเนื้ออวบแล่นเข้ามาจนเต็มแน่นตัวเธอจนเสียวไปทั้งตัว ความอบอุ่นที่ห่างหายไปถาโถมเข้ามาจนเต็มตื้น กานดากอดรัดร่างแข็งแรงในอ้อมกอดด้วยความสุข เมื่อเข้าเริ่มขยับตัวแก่นเนื้อที่เธอครอบครองนั้นก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ช่วงแรกมันก็ขยับไปมาเพียงแช่มช้าส่งความรู้สึกที่มันเองเคลื่อนผ่านไปมาจนซ่านไปทั้งตัว ความสุขเริ่มแผ่ขยายดุจดอกไม้ที่เบ่งบานในตัวเธอเมื่อจังหวะของเขาเริ่มเร้าเร่งขึ้น สะโพกงามขยับเขยื้อนเคลื่อนรับความสุขนั้นอย่างเต็มใจ เรียวขากระหวัดรัดร่างแข็งแรงนั้นไว้อย่างหวงแหนดุจจะไม่ยอมให้ร่างนั้นผละจากออกไปได้ เธอหายใจแรงขึ้นด้วยแรงผลักแห่งอารมณ์สมสุขที่หลั่งขึ้นท่วมตัว ยกแขนเรียวขึ้นกอดรักพร้อมกับยื่นหน้าขึ้นประกบจูบกับชายอันเป็นที่รัก ในขณะที่ร่างกายบอกตนเองว่าความสุขอันท่วมท้นกำลังย่างกรายเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยจังหวะอันเร่งเร้ากระชั้นถี่ของร่างแข็งแรงในอ้อมกอด ความรู้สึกยามนี้เหมือนน้ำหนักร่างกายค่อย ๆ กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เนื้อตัวร้อนผ่าวด้วยความเสียวที่รุมเร้าเร่งจนเธอไม่อาจควบคุมร่างให้อยู่ในบังคับ สมองลั่นด้วยแรงซ่านที่ระเบิดออกจากแก่นกลางกายด้วยความร้อนผ่าวที่พุ่งทะยานเข้ามา กลุ่มความร้อนนั้นพุ่งเข้ามาปะทะกับกายเธอแล้วแผ่กระจายออกอย่างรวดเร็วจนร่างอวบงามเกร็งสะท้านดั่งโดนกระแสไฟฟ้า สายตาพลันดับมืด ร่างกายสั่นสะท้านเบาหวิว ใจเต้นระรัว แล้วความรู้สึกต่อมาดังร่างเธอระเบิดออกไปในอากาศ ริมฝีปากผ่องร้องครางผสานเสียงทุ้มต่ำของเขายามเมื่อสองวิญญาณผสานกันจนเป็นหนึ่งเดียว แสงแดดอ่อนสาดช่องผ่านผ้าม่านหน้าต่างที่ปิดไว้กึ่งหนึ่งนั้นลงมายังสองร่างกอดก่ายกันอยู่แนบสนิท กานดาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียเพื่อพบกับสายตาอีกคู่หนึ่งที่จับจ้องมองเธอ แววตานั้นฉายแววแห่งความสุขสมหวังและความลุ่มหลงอย่างที่เจ้าตัวไม่คิดจะปกปิด“มองอะไรคะ” เธอเอ่ยถามอย่างเอียงอายเมื่อตระหนักว่าร่างอันเปลือยเปล่าของเธอยังโดนร่างของเขากอดอยู่“มองของสูงครับ” เขาบอกเบา ๆ แต่หนักแน่น “ของสูงที่ผมเอื้อมมือขึ้นไปถึงได้แล้ว”“ก็เพิ่งจะลองเอื้อมนี่คะ มัวแต่กลัวอยู่นานกระมังคะ” กานดาหอมแก้มสาก ๆ นั้นเบา ๆ แย้มยิ้มอย่างสุขใจ“เพิ่งจะกล้าแหละครับ” เขาตอบแล้วหอมแก้มนวล “แต่จากนี้ ผมจะมีของสูงนี่เป็นขวัญชีวิตของผมตลอดไปแล้วครับ”“ค่ะ” กานดากระชับอ้อมกอดเข้าอีกรับกับสัมผัสของวงแขนที่แข็งแรงนั้นอย่างอิ่มใจ

 

เรื่องเสียว เล่าเรื่องเสียว เรื่องเสียวหี เรื่องเย็ดกัน

No comments:

Post a Comment